ยุคหินใหม่ (Neolithic) 8,000-2,300 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ยุคนี้ต่างจากยุคหินเก่าตรงที่ มนุษย์ได้ค้นพบไฟ และสามารถก่อไฟใช้ด้วยตัวเอง ทำให้เริ่มมีวิถีชีวิตที่ต่างจากยุคหินเก่ามากขึ้น
มนุษย์ยุคนี้เริ่มรู้จักนำวัสดุตามธรรมชาติ เข่น ไม้ ดิน และหิน มาสร้างบ้านเรือนอยู่เป็นหลักแหล่ง ตลอดจนเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชเป็รอาหาร ทำให้ไม่ต้องเร่ร่อนเปลี่ยนที่หากินเหมือนในยุคหินเก่า
พัฒนาการทางสังคมที่น่าสนใจของมนุษย์ยุคหินใหม่คือ เริ่มรู้จักความงามและคุณค่าทางศิลปะ เริ่มสร้างศิลปะขึ้นเพื่อความสวยงาม แทนที่จะทำเพื่อประโยชน์ใช้สอยเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น การเริ่มมีความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ชัดเจนขึ้นยังทำให้คนในยุคหินใหม่ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เพื่อสนองความเชื่อดังกล่าว ซึ่งต่อมากลายเป็นที่มาของศิลปะหลายสาขา เช่น
5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เกิดการทำ เครื่องปั้นดินเผา ขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนมากปั้นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างงานด้วยรูปทรงที่หลากหลายก่อน แล้วจึงพัฒนาไปสู่การส้รางลวดลายแตกต่างกันไป นิยมทำรูปปั้นดินเผารูปผู้หญิงคล้ายวีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ แต่มีรูปร่างที่เหมือนจริงมากขึ้น
4,500-1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช สร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในสแกนดิเนเวีย อเมริกาเหนือ ประเทศฝรั่งเศษ และอังกฤษ เช่น
ด้วยขนาดที่มหึมาและรูปแบบการก่อสร้างที่เหนือความสามารถของมนุษย์ ทำให้นักโบราณคดียังสรุปไม่ได้ว่ามนุษย์ยุคหินใหม่สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆขึ้นได้อย่างไร และด้วยความที่ส่วนมากสิ่งก่อสร้างเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่บุคคลหรือความเชื่อที่มีอิทธิพลทางจิตวิญญาณ บ้างก็ใช้สุสาน หรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ คนบางส่วนจึงเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวอาจเป็นผลงานของผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ เช่น มนุษย์ต่างดาว พ่อมด ผู้วิเศษ ฯลฯ
ยุคนี้ต่างจากยุคหินเก่าตรงที่ มนุษย์ได้ค้นพบไฟ และสามารถก่อไฟใช้ด้วยตัวเอง ทำให้เริ่มมีวิถีชีวิตที่ต่างจากยุคหินเก่ามากขึ้น
มนุษย์ยุคนี้เริ่มรู้จักนำวัสดุตามธรรมชาติ เข่น ไม้ ดิน และหิน มาสร้างบ้านเรือนอยู่เป็นหลักแหล่ง ตลอดจนเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชเป็รอาหาร ทำให้ไม่ต้องเร่ร่อนเปลี่ยนที่หากินเหมือนในยุคหินเก่า
พัฒนาการทางสังคมที่น่าสนใจของมนุษย์ยุคหินใหม่คือ เริ่มรู้จักความงามและคุณค่าทางศิลปะ เริ่มสร้างศิลปะขึ้นเพื่อความสวยงาม แทนที่จะทำเพื่อประโยชน์ใช้สอยเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น การเริ่มมีความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ชัดเจนขึ้นยังทำให้คนในยุคหินใหม่ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เพื่อสนองความเชื่อดังกล่าว ซึ่งต่อมากลายเป็นที่มาของศิลปะหลายสาขา เช่น
- การสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรมกลายเป็น สถาปัตยกรรม
- การปั้นรูปปั้น เครื่องราง และรูปเคารพกลายเป็น ประติมากรรม
- การทำหน้ากาก เครื่องแต่งกาย และการระบายสีตามร่างกายเป็น จิตรกรรม
- ดนตรีและการร่ายรำกลายเป็น ดุริยางคศิลป์ และนาฏศิลป์
- บทสวดและพิธีกรรมกลายเป็น วรรณคดี
5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เกิดการทำ เครื่องปั้นดินเผา ขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนมากปั้นเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างงานด้วยรูปทรงที่หลากหลายก่อน แล้วจึงพัฒนาไปสู่การส้รางลวดลายแตกต่างกันไป นิยมทำรูปปั้นดินเผารูปผู้หญิงคล้ายวีนัสแห่งวิลเลนดอร์ฟ แต่มีรูปร่างที่เหมือนจริงมากขึ้น
4,500-1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช สร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ในสแกนดิเนเวีย อเมริกาเหนือ ประเทศฝรั่งเศษ และอังกฤษ เช่น
- เนินดินจำลอง (effigy mound) รูปร่างคล้ายสัตว์ต่างๆ เช่น รูปงูยักษ์ยาว 427 เมตร ที่รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าประจำเผ่า
ด้วยขนาดที่มหึมาและรูปแบบการก่อสร้างที่เหนือความสามารถของมนุษย์ ทำให้นักโบราณคดียังสรุปไม่ได้ว่ามนุษย์ยุคหินใหม่สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆขึ้นได้อย่างไร และด้วยความที่ส่วนมากสิ่งก่อสร้างเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่บุคคลหรือความเชื่อที่มีอิทธิพลทางจิตวิญญาณ บ้างก็ใช้สุสาน หรือสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ คนบางส่วนจึงเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวอาจเป็นผลงานของผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือมนุษย์ เช่น มนุษย์ต่างดาว พ่อมด ผู้วิเศษ ฯลฯ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น